ตัวเครื่องมีขนาด 162.5 x 74.7 x 8.7 มม. และน้ำหนัก 210.8 กรัม หน้าจอแสดงผลขอบโค้ง Punch Hole Display แบบ OLED 68 พันล้านพิกเซล ความละเอียด 1.5K 1220 x 2712 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ความสว่างสูงสุด 3000nits, รองรับ HDR10+, Dolby Vision และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2
หน้าจอแสดงผลขอบโค้งมีชื่อเสียงในด้านความเปราะบาง สถาปัตยกรรม “King Kong” ของ Redmi นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ด้านหน้าได้รับการปกป้องด้วย Gorilla Glass Victus 2
ส่วนด้านหลังได้รับการปกป้องด้วย Gorilla Glass 7i (นี่คือสมาร์ตโฟน Redmi รุ่นแรกที่ใช้ Gorilla Glass คู่) และมุมทั้งสี่ได้รับการเสริมความแข็งแรงเพื่อทนต่อแรงกระแทก และส่วนภายในได้รับการรองรับด้วยโพลีเมอร์ ยาง และ/หรือโฟมที่ดูดซับพลังงานจากแรงกระแทก
โดย TÜV SÜD ให้คะแนน Redmi Note 14 Pro+ 5 ดาวในการทดสอบการตกซึ่งดำเนินการบนพื้นหินอ่อนจากความสูง 1.8 เมตร นอกจากนี้ เพื่อให้ได้ระดับ IP68 โทรศัพท์จะต้องจมอยู่ใต้น้ำลึก 2 เมตรเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเต็ม ซึ่งการทดสอบ IP68 ส่วนใหญ่จะใช้เวลาครึ่งชั่วโมง หน้าจอสามารถตรวจจับการสัมผัสจากมือที่เปียกได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถหยิบโทรศัพท์ออกจากสระและใช้งานได้ต่อไป
ขับเคลื่อนหน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz ด้วยชิปเซ็ท Qualcomm SM7635 Snapdragon 7s Gen 3 (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 710 (940 MHz) จับคู่กับ RAM 8GB/12GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย HyperOS
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, (wide)
รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68/IP69K (กันน้ำได้ลึก 2 เมตรภายใน 24 ชั่วโมง), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA),
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.4, พอร์ตอินฟราเรด, NFC, พอร์ต USB Type-C
และใช้แบตเตอรี่ขั้วบวกซิลิคอนคาร์บอนใหม่ ซึ่งมีความจุขนาดใหญ่ถึง 6,200mAh ได้รับการจัดอันดับให้ชาร์จเร็วที่ 90W ได้นานถึง 4 ปี และสามารถชาร์จในสภาพอากาศหนาวเย็นจัด (-20°C) ได้
ทั้งนี้ Redmi Note 14 Pro+ มีให้เลือก 3 สีคือ Spectre Blue, Titan Black และ Phantom Purple โดยวางจำหน่ายที่ประเทศอินเดียในวันที่ 13 ธันวาคม ผ่านร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi, Amazon India และร้านค้าปลีกที่เป็นพันธมิตร
ส่วนราคามีดังนี้
ตัวเครื่องมีขนาด 162.3 x 74.4 x 8.2 มม. หรือ 8.5 มม. และน้ำหนัก 190 กรัม หน้าจอแสดงผลขอบโค้ง Punch Hole Display แบบ OLED 68 พันล้านพิกเซล ความละเอียด 1.5K 1220 x 2712 พิกเซล ขนาด 6.67 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ความสว่างสูงสุด 3000nits, รองรับ HDR10+, Dolby Vision และครอบทับด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass Victus 2
Redmi Note 14 Pro ยังมีสถาปัตยกรรม “King Kong” โดยมี Gorilla Glass Victus 2 ที่ด้านหน้า แต่ไม่มี Gorilla Glass ที่ด้านหลัง
อย่างไรก็ตาม มีการรองรับแรงกระแทกและแผ่นรองภายในทั้งหมด รวมถึงการกันน้ำด้วย Redmi Note 14 Pro รุ่นปกติผ่านการทดสอบ TÜV SÜD แบบเดียวกัน โดยสามารถทนต่อการตกจากที่สูง 1.8 เมตร และจมอยู่ใต้น้ำลึก 2 เมตรได้ตลอดทั้งวัน
ขับเคลื่อนหน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.5GHz ด้วยชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 7300 Ultra (4 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G615 MC2
จับคู่กับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 14 ครอบทับด้วย HyperOS
ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว Triple Camera พร้อมไฟแฟลช LED ประกอบด้วย
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, รูรับแสงf/2.2, (wide), 1/4.0″, 0.7µm
รวมทั้งรองรับการกันน้ำกันฝุ่น IP68/IP69K (กันน้ำได้ลึก 2 เมตรภายใน 24 ชั่วโมง), ติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้หน้าจอ, ลำโพงคู่สเตอริโอ, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA),
Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.4, พอร์ตอินฟราเรด, NFC, พอร์ต USB Type-C และใช้แบตเตอรี่ความจุ 5,500mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45W
ทั้งนี้ Redmi Note 14 Pro มีให้เลือก 3 สีคือ Spectre Blue, Titan Black และ Phantom Purple โดยวางจำหน่ายที่ประเทศอินเดียในวันที่ 13 ธันวาคม ผ่านร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi, Amazon India และร้านค้าปลีกที่เป็นพันธมิตร
ส่วนราคามีดังนี้